01 // อย่าไปที่ที่คนเยอะ
นึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่าพอที่ไหนฮิต ที่ไหนคนบอกต่อกันว่าสวย
คนไทยก็มักจะแห่แหนเนืองแน่นไปเบียดเสียดเอียดออดกันเที่ยว
จนในที่สุดทริปนั้นก็ไม่สนุก แถมยังได้ความน่าเบื่อกลับมาอีกเป็นกระบุง
อ้าว... ไปเที่ยว ไปพักผ่อน ไม่ได้ไปเครียดนะเฟร้ย ฉะนั้นก็วางแผนให้ดี
ที่ที่คนว่าเยอะ ถ้าอยากไปจริงๆ ก็ไปวันธรรมดา ลางานไปเลยได้ยิ่งดี
แต่ถ้าไม่สนใจอะไรมาก ก็ลองหาที่ที่ทำนองคล้ายกัน แต่แลดูคนน้อยกว่า
ก็ย่อมได้นะเธอว์
// 02 // อย่าไปที่ที่คนน้อย
อ้าว! เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าอย่าไปที่ที่คนเยอะ พอฉันมาที่ที่คนน้อยก็ผลักไส
ให้ฉันไปหาที่ที่คนเยอะแทน จะเอายังไง ห๊าาา ...จริงอยู่ ที่ที่คนน้อย
จะสงบสุข สบายใจ ไร้การรบกวนใดๆ จากกองทัพผู้คนเรือนแสน
จนนึกไปได้ว่าเป็นงานโอท๊อปแถวๆ เมืองทองธานี แต่ที่ที่คนน้อยเหล่านี้
อาจต้องแลกมาด้วยความไม่ปลอดภัย และการหลอกลวงต่างๆ นานา
ซึ่งเราก็ต้องระวังไว้เป็นดี โดยเฉพาะสาวๆ ไปคนเดียว หรือสองคน
ถ้าไปย่านที่คนน้อยแบบนี้ รังแต่จะไม่สนุกเอา เพราะมัวแต่กลัวว่า
จะมีชายฉกรรจ์มายื้อยุดฉุดกระชากไปทำมิดีมิร้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้ได้
// 03 // วางแผน
เที่ยวทั้งทีก็ต้องมีวางแผน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นตารางการท่องเที่ยวก็จะ
รวนเรและไม่สามารถจัดให้ลงตัวกับช่วงเวลาว่างของเราได้ เว้นเสียแต่ว่า
อยากจะกลับวันไหนก็ได้ อันนั้นก็อย่าวางแผนเลย แต่กระนั้นแล้ว
การวางแผนที่ดีก็ควรที่จะคิดวิเคราะห์แยกแยะ (ย่อว่า ควย.) กันอย่างดี
อย่าคิดพึ่ง ททท. หรือคู่มือนำเที่ยวเด็ดขาด เพราะเวลาไปเที่ยวจริงๆ
หลายสิ่งที่ ททท. หรือในคู่มือบอกกับเราเอาไว้นั้น มันไม่จริงเลยด้วยซ้ำ
เช่น ถ้าคุณไปยังวัดนี้ คุณจะได้พบกับเจ้าอาวาสใจดีคอยให้ความรู้
เรื่องจิตรกรรมฝาผนังอย่างเป็นมิตร แต่พอไปจริงๆ อ้าว หมาเห่ายังไม่พอ
ไม่มีใครเฝ้าโบสถ์คอยให้คำแนะนำเรื่องศิลปกรรมอีก เจ้าอาวาสอยู่ไหน!!!
// 04 // อย่าวางแผน
เอาอีกละ มึงจะเยอะไปไหน เดี๋ยว Do อีกข้อบอก Don't จ๊ะ!!! (กูเพลีย)
...ใจร่มๆ ก่อนครับท่าน ที่บอกว่าอย่าวางแผนก็หมายถึง ในการวางแผน
ที่ว่าไว้ในข้อสามนั้น อย่าแน่นอนจนเกินไป เช่น เช้านี้ต้องไปกินโจ๊กที่
ร้านนี้เท่านั้น ร้านอื่นไม่อร่อย เที่ยงต้องไปไหว้พระวัดนี้ เค้าว่าดวงจะดี
ตลอดทั้งปี ส่วนตอนเย็นต้องไปเดินถนนคนเดินเส้นนี้เท่านั้น เพราะเส้นอื่น
จะไม่ค่อยมีของขายและมีแต่ของกิ๊กก๊อกไม่เก๋เท่าเส้นที่จะไป ปรากฏว่า
ร้านโจ๊กปิดเพราะลูกบวช วัดนั้นปิดเพราะต้องบูรณะพระอุโบสถ
แถมตอนเย็นฝนตก ถนนคนเดินไม่ทำกิจการค้าขายกันอีก ต๊ายยย
ซวยแบบนี้แนะนำให้ไปสะเดาะเคราะห์ด่วน! ...นั่นแหละ เผื่อตาราง
การท่องเที่ยวไว้บ้าง อาจจะเว้นว่างแบบโง่ๆ เช่นจะไปที่นี่ แต่ถ้าที่นี่ปิด
ก็ให้รถเค้าแนะนำที่อื่นเอาละกัน (พยายามดายหน้าเอาไว้เยอะๆ
จะสนุกมาก พูดจริงนะ เพราะการได้เที่ยวแบบไม่เป็นไปตามคาดนี่แหละ
มันแสนจะสนุกและท้าทายอย่าบอกใคร :D)
// 05 // พกแผนที่ไว้เป็นดี
ในเมื่อเราไม่ใช่พี่ติ๊กจากรายการเนวิเกเตอร์ที่จะบอกทางไปไหนมาไหน
ให้ใครล่วงรู้ได้ การมีแผนที่ติดตัวก็เป็นเรื่องดี เพราะบางที บางจังหวัด
ตรอกซอกซอยเยอะโยงใยยิ่งกว่าในเมืองหลวง เดินไปเดินมาอาจจะ
หลงทางได้ (ข้าพเจ้าเคยหลงเมืองเชียงใหม่มาแล้ว!) แต่ก็อย่าเวอร์
จนเกินงามด้วยการทำเป็นพกจีพีอาร์เอส หรืออะไรทำนองนั้น
แหมๆ จะเอาเป๊ะๆ จริงๆ ใช่มั้ย บอกแล้วไงว่าอย่าวางแผน!
// 06 // อย่าพกแผนที่
อีเงาะกระป๋อง ตกลงจะเอายังไง สักอย่างๆ ... ที่บอกว่าอย่าพกแผนที่
ก็เพราะว่า การไปเที่ยวยังต่างบ้านต่างเมือง การทำตัวให้กลมกลืนกับ
คนในพื้นที่เป็นสิ่งดี การไปยืนโง่อยู่ตรงสี่แยกแล้วกางแผนที่ขนาดเอสอง
เป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำ เพราะนอกจากจะเสี่ยวแล้ว ยังน่าอายเป็นที่สุด
ในกรณีที่หลงทางหรือไม่รู้จริงๆ แผนที่ที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือ "ปาก"
ใช่แล้ว! ถามทางเอาสิครับ ง่ายจะตายไป นอกจากจะได้คำแนะนำ
แบบรู้ลึกรู้ลัดจากคนในท้องถิ่นแล้ว ยังได้มีโอกาสสานสัมพันธ์
เชื่อมสันติภาพกับคนในพื้นที่อีกด้วยนะเออ (อ่อ... ข้อดีอีกอย่าง
ของการไม่กางแผนที่โชว์ความเก๋าก็คือ พวกมิจฉาชีพจะได้ไม่รู้
ว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งจะหลอกง่ายมาก ยิ่งพวกมอเตอร์ไซค์
รับจ้างเอย รถรับจ้างเอย ชอบหลอกนักท่องเที่ยวหลงทางบ่อยๆ
ผู้เขียนเคยเจอมาแล้ว แค่นั่งรถไปไม่เท่าไหร่ โดนไปร้อยกว่าบาท
เห็ดสดมาก)
// 07 // พกสมุด
ถ้าไม่อยากโชว์ความด้วยการผกแผนที่ขนาดเท่าเสื่อกระจูดแล้วล่ะก็
การคัดลอกแผนที่ใส่สมุดก็เป็นสิ่งที่ดี แถมยังสามารถเขียนอะไรใส่ลงไป
ได้ตามชอบใจ อย่างบางทีเราเจอร้านอร่อยๆ ที่ไม่มีในคู่มือ รวมไปถึง
แลนด์มาร์คแปลกๆ ที่แผนที่มันไม่บอกเราหรอก (อย่างต้นจามจุรียักษ์
บ้านเก่าสมัยอาณานิคม เป็นต้น) สมุดเล่มเล็กนี้แหละ ช่วยเราได้ดีมาก
ในยามที่สมองของเราไม่สามารถจดจำได้ทั้งหมดของทริป อย่าได้อาย
หากเพื่อนจะล้อว่า ว้ายๆๆๆ กระแดะจริงเชียว ไปเที่ยวแค่นี้ก็ต้องจด
กรุณาตอกกลับมันไปว่า "เออ กรูเท่ห์ อย่ามาอิจฉา ชิส์"
// 08 // พกกล้อง
แหมๆๆๆ ใครไปเที่ยวแล้วไม่พกกล้องไปด้วยนี่จัดว่าวิกฤติชีวิตต้องรีบ
วิ่งกลับบ้านระยะทางสามสิบกิโลแบบเด็กวัลลีเพื่อไปเอามาให้ได้เชียว
เพราะบางที่สมองส่วนเซเลบรัมก็ไม่สามารถจะจดจำบรรยากาศ
ของสถานที่ทั้งหมดได้ด้วยเรตินาเดียว แต่กล้องก็ช่วยเราบันทึกได้ใน
ระดับหลายล้านพิกเซล ซูมเห็นถึงจุลินทรีย์ มีหรือจะไม่พกกล้องไปเที่ยว
แต่!!! ก็อย่าถือกล้องแชะๆ จนเคยตัว มองบรรยากาศผ่านรูม่านตาบ้าง
อย่ามัวแต่มองจากรูชัตเตอร์เพียงอย่างเดียว ถ้าถ่ายกันแบบจริงจัง
ขนาดนั้น ก็ส่งไปให้อนุสาร อสท. เค้าลงเลยดีกว่ามั้ย :D
(หรืออย่างเวลาเราไปบ้านของชาวบ้าน อย่าเริ่มต้นด้วยการแชะ
แต่ควรเริ่มต้นด้วยการแชตก่อนน่าจะดีกว่านะ)
// 09 // กินได้ กินไป
อย่ารังเกียจอาหารพื้นถิ่น ถ้าร่างกายยังรับไหว ไม่มีอาการแพ้ก็ลองเถอะ
อาหารบ้างอย่างหากินไม่ได้จากที่ไหน ถ้าจะยอมอดตายไม่กินก็เสียดายอยู่
อย่าเอาความเคยชินจากชีวิตปกติมาใช้ในพฤติกรรมการกิน เพราะถ้า
เรามัวแต่กินกระเพราะไก่ไข่ดาวทุกมื้อของการท่องเที่ยว เราก็ไม่มีทางรู้เลย
ว่าเมี่ยงพันผัก อาหารพื้นเมืองของอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์มันเป็นยังไง
จริงมั้ย? (สำหรับคนที่แพ้อาหารทะเล แนะนำว่าอย่าฝืนกิน แต่เปิดปากคุย
กับชาวบ้านตามตรงว่า มีอาหารท้องถิ่นแบบที่ไม่มีส่วนผสมของอาหารทะเล
หรือไม่ ถ้าไม่มีให้เลยสักเมนูก็อย่าเสียใจไป เราเชื่อว่าชาวบ้านจะเข้าใจคุณ)
// 10 // นอนได้ นอนไป
โรงแรมหรูคืนละพันอัพ อาจไม่ได้ฟีลท้องถิ่นเท่าโรงแรมผีหลอนๆ ราคาคืนละ
120 บาทขาดตัว แถมด้วยโปรโมชั่นเสาตกน้ำมันให้หลอนกันเล่นๆ (แฮร่ย์!!!)
คำถามคือ ก็ชั้นมีเงิน แล้วชั้นจะนอนโรงแรมดีๆ ไม่ได้หรือไง ผู้เขียนขอตอบว่า
ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ แต่โรงแรมหรูๆ มักอยู่ห่างจากตัวตลาด ซึ่งหมายความว่า
ถ้าอยากกินมื้อเช้าอร่อยๆ ก็ต้องลงทุนตื่นแต่เช้า แถมยังต้องต่อรถเข้ามาตลาด
อีกต่างหาก สู้นอนโรมแรมจิ้งหรีดติดตลาด แต่ได้ยินเสียงปลุกยามเช้า
ของพ่อค้าแม่ขายไม่ดีกว่าเหรอ อาจจะหลอนไปหน่อย แต่ก็ได้ความท้องถิ่น
แบบเต็มๆ และเป็นแบบที่ไม่มีใครเหมือนอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น